ตอนที่ 1
ท่ามกลางบรรยากาศมืดมิดยามค่ำคืนในเยาวราช โส่ยนักเลงหัวไม้ชั้นเลวถูกแก๊งมังกรดำตามล่า นำโดยเล้ง พ่อค้าและเจ้าของกิจการร้านทองที่มีสาขาทั่วประเทศ แต่มีจิตใจโหดเหี้ยมและเลือดเย็น โส่ยเกือบถูกซ้อมจนตายถ้ารถของพวกแก๊งกระทิง นำโดยธาม ธราธร ไม่โผล่เข้ามาเสียก่อน
ธาม ธราธร หนุ่มหล่อมาดขรึม เจ้าของฉายากระทิงดุแห่งเยาวราช หรือที่หลายคนเรียกว่าเฮียกระทิง ก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม พร้อมเฉียงกับจิว คนสนิททั้งสอง เพื่อขัดขวางพวกเล้งและช่วยโส่ย และก็ทำได้สำเร็จในระยะเวลาไม่นาน แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจมากกว่า คือเรื่องลูกสาวของโส่ยที่ติดอยู่ในบ้านที่กำลังไหม้ไฟ!
โส่ยไม่ต้องขอร้องเลย ธามตัดสินใจเด็ดขาดจะไปช่วยเด็กสาว เพราะไม่อยากให้ใครต้องติดอยู่ในกองไฟเหมือนพ่อแม่ตนในอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อน เฉียงกับจิวพยายามห้ามด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้านายหนุ่มเสี่ยงตามลำพัง แต่ธามก็ไม่สน กระชากเสื้อนอกตัวเองจุ่มน้ำแล้วพุ่งเข้าไปด้านในทันที โส่ยมองตามลุ้นๆ ก่อนจะถอนใจโล่งอกพร้อมเฉียงกับจิว เมื่อเห็นธามช่วยเด็กสาวออกมาจากกองเพลิงได้อย่างปลอดภัย
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังเหตุการณ์สุดระทึกของธามคือวันสารทจีน วันมงคลที่ชาวจีนในเยาวราชจะไปรวมตัวกันที่ศาลเจ้าเพื่อเตรียมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และรับของบริจาคจากพิธีเทกระจาด ธามเต็มใจร่วมงานเพราะอยากช่วยเหลือคน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เขาต้องตื่น แต่เช้ามาจุดธูปไหว้ดวงวิญญาณพ่อแม่เสียก่อน
“ผมจะกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลกลับคืนมาให้ได้!”
ธามไม่ให้เฉียงกับจิวตามไปร่วมงานที่ศาลเจ้าด้วย ซึ่งสองคนสนิทก็ไม่อยากขัดใจ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มเป็นคนเด็ดขาดและเลือดร้อนแค่ไหน ธามเลยได้เดินทางไปศาลเจ้าคนเดียวสมใจ ซินแสง้วงเห็นกระทิงหนุ่มคนดังก็ยิ้มให้เหมือนคนที่รู้จักกันมานาน ยิ้มและพูดแฝงนัยบางอย่าง
“คนเราเปลี่ยนแปลงทุกวัน เจ็ดปีก่อนกับวันนี้ย่อมแตกต่าง วันนี้อาธามงามสง่า มีพลัง สมที่จะขึ้นเป็นผู้นำ”
หลังซินแสง้วง ก็ถึงคิวของแก๊งทายาทเลือดใหม่อย่างภรพ ทรงกลดและคณิน ที่ทยอยมาทักทาย
“ขอต้อนรับสู่ครอบครัวใหญ่ของเราครับ” ภรพเอ่ยเป็นคนแรก
“ชมรมคนหน้าหล่อมีสมาชิกเพิ่มอีกคนแล้ว สาวๆ คงดีใจ ยินดีด้วยครับคุณธาม” คณินเป็นคนต่อมา
ธามยิ้มรับ รู้ดีว่าสองหนุ่มจากแก๊งเสือและแก๊งเหยี่ยวแดงเข้าใจว่าเขาต้องได้เป็นหัวหน้าแก๊งกระทิงคนใหม่ หลังจากที่ตั้งเช็งเอี๊ยง พ่อแท้ๆของเขาและหัวหน้าแก๊งกระทิงคนก่อนตายไปเมื่อหลายปีก่อน และเขาก็ถูกเฉินอี่เสียง เพื่อนร่วมสาบานของพ่อ ซึ่งรักษาการตำแหน่งหัวหน้าแก๊งกระทิงแทน และปัจจุบันเขาก็นับถือเหมือนพ่อ รับตัวไปเลี้ยงและถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆให้ที่เซี่ยงไฮ้มาตลอดเจ็ดปี
คิดได้ดังนั้น ธามก็ส่งยิ้มบางๆให้แก๊งทายาทเลือดใหม่ “ขอบคุณครับ แต่อาปายังไม่แต่งตั้งใครเป็นทางการ ตำแหน่งอาจจะเป็นคนที่เหมาะสมกว่าผมก็ได้”
เล้งหัวหน้าแก๊งมังกรดำ ผ่านมาได้ยินธามพอดี เลยตัดสินใจโพล่งออกไป “ไม่มีพ่อคนไหนมองข้ามลูกตัวเองได้หรอก เฉินอี่เสียงต้องมอบตำแหน่งให้ลื้ออยู่แล้ว ถึงลื้อจะเข้ามาช่วยงานที่นี่ไม่กี่ปี แต่ทองหย่งจินก็รุ่งเรืองขึ้นมาก ไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งกระทิงเท่าลื้อแล้วล่ะอาธาม ยินดีล่วงหน้าด้วยนะหลานชาย”
จบคำก็ยื่นมือให้จับ ธามยอมจับด้วยทั้งที่แววตาแข็งกร้าว แก๊งทายาทเลือดใหม่มองตามเล้งแบบคาใจบางอย่าง ก่อนจะอึ้งไปตามๆกัน เมื่อได้ยินเสียงผิวปากเป็นเพลงของธาม เพราะรู้ดีว่าเพลงนี้เป็นเพลงประจำตัวของใคร!
ooooooo
หลังเสียงผิวปากเป็นเพลงบอกสัญญาณ แก๊งทายาทเลือดใหม่ก็ได้สมาชิกเก่าแต่หน้าใหม่กลับมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็คือธามหรือชลธี เพื่อนสนิทร่วมแก๊งสมัยเด็ก ที่หายหน้าหายตาไปถึงเจ็ดปี หลังเหตุเพลิงไหม้ที่บ้าน และเขากลับมาครั้งนี้โดยใช้ชื่อธาม ฝาแฝดที่ตายไปก่อนหน้านั้นแล้วแต่ไม่มีใครรู้
แต่ถึงกระนั้น สี่หนุ่มก็ไม่กระโตกกระตาก ทำตัวเป็นปกติและไปช่วยกันแจกของบริจาคที่ลานศาลเจ้า ในขณะที่พวกหัวหน้าแก๊ง เช่น สุงจากแก๊งหงส์ดำ เซี้ยะจากแก๊งเสือและตงจากแก๊งเขี้ยวสิงห์ ไปรวมตัวกันที่โรงงิ้ว ส่วนเล้งซึ่งวางแผนร้ายจะป่วนงาน แอบลักลอบออกไปด้านนอกเพื่อเจอกับเกี๊ยง ลูกน้องคนสนิทเพื่อซักซ้อมแผนการ
ธามคอยจับตาหัวหน้าแก๊งมังกรดำอยู่แล้ว และกำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนอะไรแน่ แต่ต้องพยายามเก็บอาการและตามไปดักหน้าเพื่อมอบของบางอย่างให้แทน
ไฟแช็กรุ่นพิเศษใหม่เอี่ยมในมือที่ธามเตรียมมามอบให้เล้ง โดยจะอ้างว่าเฉินอี่เสียงพ่อบุญธรรมฝากมาให้ ทำให้กระทิงหนุ่มหวนระลึกถึงอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนเขาได้เห็นไฟแช็กอีกอัน ที่เหมือนไฟแช็กในมือเขาวันนี้ทุกอย่าง เสียแต่ว่าอันเก่านั้นมีสภาพบิดงอและเต็มไปด้วยเขม่าดำ รวมทั้งคำพูดของพ่อบุญธรรมที่ลอยเข้ามาในหัว
“หลังจากอั๊วส่งลื้อเข้าโรงพยาบาล อั๊วกลับไปดูที่บ้านลื้ออีกครั้ง ไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากไอ้นี่...”
ไฟแช็กบิดงอและเต็มไปด้วยเขม่าดำถูกยื่นมาให้ ธามรับมาดูแล้วนิ่วหน้า
“ไฟแช็กที่ใช้เผาบ้านอั๊วใช่ไหมอาปา อาปารู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนลงมือ”
“อั๊วรู้แต่ไฟแช็กนี้เป็นของอาเล้ง...อีไปที่บ้านลื้อแน่นอน”
ธามยังจำได้ดีว่าเฉินอี่เสียงยืนยันหนักแน่นว่าไฟแช็กอันเก่านี้เป็นของเล้ง เพราะได้เจอกันโดยบังเอิญก่อนหน้า และเล้งใช้ไฟแช็กอันนี้จุดไฟบุหรี่ให้ และวันนี้พ่อบุญธรรมของเขาก็เห็นด้วยที่จะเตือนความจำของเล้งบ้าง
“ในเมื่อมันให้สิ่งนี้กับลื้อ ลื้อก็จงให้สิ่งนี้กับมัน ถึงจะสาสมกัน!”
ธามดึงตัวเองจากอดีต ตีสีหน้ายิ้มแย้ม เก็บกดอารมณ์คั่งแค้นไว้อย่างมิดชิด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อแม่เมื่อหลายปีก่อน เล้งมองไฟแช็กดีไซน์สวยในมือด้วยแววตาเคร่งเครียด แต่ยังฝืนยิ้มให้ แล้วฝากขอบคุณเฉินอี่เสียงที่อุตส่าห์นึกถึง
ท่าทางสบายๆของธาม ทำให้เล้งสงสัยบางอย่าง จนต้องแกล้งแหย่ “ถ้าอาธียังอยู่ ลื้อคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ นึกแล้วยังเสียใจไม่หาย เฮียเช็งทำธุรกิจปากกัดตีนถีบมาด้วยกันกับอั๊ว ต้องมาตายยกครัวแบบนี้”
ธามยังมีสีหน้าสงบอย่างเหลือเชื่อ ตอกกลับ “แต่ผมกับแก๊งกระทิงยังอยู่ครับ ถึงผมจะไปอยู่กับอาปาเฉินที่เซี่ยงไฮ้ แต่ทุกคนก็รู้ว่าผมเป็นลูกชายอาปาเช็ง ผมต้องสานต่อธุรกิจให้อาปาอยู่แล้ว”
“ดีมากหลานชาย รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะ เฮียเฉินอายุมากแล้ว เหลือแต่ลื้อที่ยังหนุ่มแน่นคนเดียว”
“ขอบคุณในความเมตตาของเสี่ย แต่ผมคง...ไม่ตายง่ายๆ”
จบคำก็ก้มหัวขอตัวดื้อๆ ไปช่วยเพื่อนแก๊งเลือดใหม่แจกของบริจาคต่อ ทิ้งเล้งให้มองตามกระทิงหนุ่มในมาดใหม่ ซึ่งไม่เหมือนชลธีที่เขาคุ้นเคยด้วยท่าทางเครียดๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กลัว พึมพำไล่หลัง...ง่ายไม่ง่าย เดี๋ยวก็รู้!
ooooooo
หงส์ทายาทคนสวยของแก๊งหงส์ดำ หนึ่งสาวของแก๊งทายาทเลือดใหม่มาสมทบสี่หนุ่มไม่นานหลังจากนั้น ธามส่งยิ้มบางๆให้ ยังไม่ยอมเฉลยว่าตัวเองคือชลธี เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทยิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆของเธอ เพราะอยากหาโอกาสเหมาะกว่านี้ ซึ่งหงส์เองก็ไม่ติดใจสงสัยอะไร เพราะมัวแต่วุ่นแจกของมากกว่า
แต่สี่หนุ่มหนึ่งสาวก็ต้องหนีกระเจิงกันไปคนละทางไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อมีแก๊งมือปืนปริศนาโผล่มากราดกระสุนใส่ ธามรับอาสาดูแลหงส์ และพาเธอไปส่งให้ฉาง พี่ชายแท้ๆที่กำลังเตรียมแสดงงิ้วอยู่ด้านใน ก่อนจะผละไปช่วยเพื่อนหนุ่มๆที่เหลือ แต่ก็ดูจะลำบาก เพราะตัวเขาเองก็ถูกต้อนให้ต้องหนีไปตามลำพัง
ฮั้วกับฮกสองพี่น้องสมุนของเล้งนั่นเองที่ถูกส่งมาตามล่าธาม หวังฆ่าให้ตาย จะได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามของเจ้านาย แต่มีหรือที่คนอย่างกระทิงหนุ่มจะยอมง่ายๆ ยิงสวนกลับจนสองมือปืนพี่น้องแทบเอาตัวไม่รอด
เฉียงกับจิวสองคนสนิทของธามสังหรณ์ใจอยู่แล้ว และตามมาช่วยเจ้านายหนุ่มได้ทันเวลา ส่วนฮั้วกับฮกหนีไปได้อย่างหวุดหวิด ธามหัวเสียมากที่จับสองมือปืนไว้ไม่ได้ และกำลังจะกลับกับสองคนสนิทอยู่แล้ว ถ้าสายตาจะไม่เหลือบไปเห็นเล้งวิ่งลัดเลาะออกมาจากตึกอีกด้าน
ธามมั่นใจว่าแผนการป่วนงานสารทจีนวันนี้ เล้งต้องมีส่วนรู้เห็นแน่ เพราะทำตัวมีพิรุธหลายอย่างก่อนหน้า เลยไม่รอช้าจะตามไปดักหน้าเพื่อซักถาม เล้งมีท่าทางเลิ่กลั่กกลัวตายอย่างเห็นได้ชัด ธามเลยแกล้งแหย่
“ไปด้วยกันครับเสี่ย อาเฉียงกับอาจิวจะยิงป้องกันให้”
แต่ที่ธามไม่รู้ คือนี่เป็นแผนลวงของเล้ง จะล่อกระทิงหนุ่มมาฆ่า แต่ธามก็กะโหลกหนาหนีรอดไปได้ แถมพาเล้งฝ่าห่ากระสุนไปได้อีกต่างหาก หัวหน้าแก๊งมังกรดำเจ็บใจมาก แต่ต้องพยายามเก็บอาการ รอเกี๊ยงมารับ
จิวอดทนรอจนเล้งนั่งรถออกไปกับเกี๊ยง จึงหันมาถามธามอย่างไม่เข้าใจว่าจะช่วยเล้งเพื่ออะไร เพราะเห็นว่าเป็นศัตรูกันมาตลอด เฉียงซึ่งสุขุมและเยือกเย็นกว่าเพื่อน คิดว่าธามน่าจะมีเหตุผลบางอย่าง
“เฮียคงรู้ว่าดึงเสี่ยเล้งมาไว้กับตัวแล้วจะปลอดภัย”
จิวนิ่วหน้า พอจะปะติดปะต่อความคิดเจ้านายได้ แต่ก็ยังไม่เห็นด้วย “แสดงว่าเฮียแน่ใจว่ามันเป็นตัวก่อเรื่อง แล้วทำไมต้องช่วย ปล่อยให้มันถูกยิง ถึงไม่ตายก็เจ็บ น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือ”
ธามส่ายหน้า เอ่ยเสียงเรียบแต่เลือดเย็นที่สุด “บางครั้งคนเราก็ต้องซ่อนความแค้นไว้ใต้รอยยิ้มที่เป็นมิตร ให้ศัตรูเห็นเราในที่สว่าง เราจะกลายเป็นเป้านิ่งพวกมัน”
ขณะที่ธามไม่สะทกสะท้านกับเหตุร้ายวันนี้มากนัก แต่กังวลใจมากกว่า เล้งกลับเต้นผางด้วยความขัดใจ เมื่อเห็นว่าแผนป่วนที่ตั้งใจวางไว้ไม่สำเร็จเท่าที่ควร ที่สำคัญเขาเกือบเอาชีวิตไปทิ้งกลางดงกระสุน ถ้าธามจะไม่เป็นฝ่ายลากเขาออกมาพร้อมสองคนสนิทเสียก่อน เกี๊ยงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงๆ
“คนของเราคงไม่คิดว่าพวกมันจะเอานายใหญ่เป็นโล่กันกระสุน”
เล้งส่ายหน้าหน่ายๆ แหวลั่นอย่างเหลืออด “กุดหัวมันได้ทั้งตระกูล นึกว่าแก๊งกระทิงจะสูญพันธุ์ เฉินอี่เสียงมันยังส่งไอ้ธามมาเป็นหนามยอกอกอั๊วอีก ไอ้นี่ มันแสบเหมือนอาเช็งพ่อมัน แล้วคนอื่นล่ะ”
“ไอ้ทรงกลดกับไอ้ภรพรอดไปได้ครับ ส่วนไอ้คิมหายตัวไป...ที่ตายคืออาฉาง”
ชื่อลูกชายคนโตของสุงแห่งแก๊งหงส์ดำทำให้เล้งยิ้มออกมาด้วยความยินดีเป็นครั้งแรกของวัน
“ดี...ไม่เสียเที่ยว ลูกชายคนเดียวถูกยิง เถ้าแก่สุงคงตรอมใจตายตามไม่ช้า แล้วไอ้ฮกไอ้ฮั้วล่ะ”
“ถูกไอ้ธามยิง นอนเย็บแผลที่โรงพยาบาลครับนายใหญ่”
“ลากมันออกมา อั๊วมีงานให้ทำ...ไอ้ธามมันด่าอั๊วว่าเป็นหมาลอบกัด อั๊วก็จะลอบกัดมันให้จมเขี้ยว”
ooooooo
ความแค้นในอดีตของธามเริ่มต้นเมื่อเจ็ดปีก่อน เมื่อตั้งเช็กเอี๊ยงและหลิวเจียหลิน พ่อแม่ของเขาต้องตายไปอย่างมีเงื่อนงำ ธามหรือชลธีในเวลานั้นยังเป็นชายหนุ่มอ่อนโยนและจิตใจดี มีคนรักเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยชื่อจันทร์ชมพู แต่ทั้งครอบครัว และคนรักก็ทรยศเขา และเล้งก็เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด!
หลังพ่อแม่จากไป และตัวเขาเกือบถูกจันทร์ชมพูที่แปรพักตร์ฆ่าให้ตายทั้งเป็น เฉินอี่เสียงเพื่อนร่วมสาบานของพ่อซึ่งแอบได้ยินแผนการลับบางส่วนของเล้งก็ตามไปช่วยเขาได้ทันเวลา และพาเขาไปรักษาตัวและฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้ รวมทั้งความรู้เรื่องธุรกิจต่างๆที่เซี่ยงไฮ้ โดยมีเฉียงเป็นเพื่อนร่วมฝึกด้วยตลอด
แต่ถึงกระนั้น ธามหรือชลธีในเวลานั้นก็ไม่เคยลืมจันทร์ชมพู สาวคนรักที่เคยรักกันมาก แต่ทรยศด้วยการยิงเขาจนเกือบตายทั้งเป็น โดยไม่รู้เลยว่าหญิงสาวเองก็ต้องเจ็บช้ำเจียนตายไม่แพ้กัน เพราะไม่เคยเต็มใจทำร้ายเขา แต่เพราะสมชายพ่อแท้ๆ อดีตมือขวาของเล้งถูกจับตัวไป และเล้งก็บังคับให้เธอฆ่าชลธีซะ ถ้าอยากให้พ่อมีชีวิตอยู่!
ในขณะที่ธามต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นธาม ฝาแฝดซึ่งมาอยู่กับเฉินอี่เสียงตั้งแต่เด็ก แต่เสียชีวิตไปก่อนหน้าโดยไม่มีใครรู้ พร้อมกับทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าใหม่เพื่อกลับมาทวงความยุติธรรมให้ครอบครัว จันทร์ชมพูก็ต้องหนีการไล่ล่าของพวกเล้งจนแทบเอาตัวไม่รอด แถมเมื่อเธอยิงชลธีตามคำสั่งแล้ว เล้งก็ไม่ได้คิดจะไว้ชีวิตเธอกับพ่อ
โชคดีที่พ้ง พี่ชายแท้ๆของเล้งที่ถูกน้องชายหักหลังช่วยเธอไว้ และฝึกฝนให้เป็นนักฆ่า เพื่อกลับมาล้างแค้นแทนเขาที่กลายเป็นคนพิการขากะเผลก จนท้ายที่สุดจันทร์ชมพูก็ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นเพ็ญนภาหรือย่าหยา และวางแผนอย่างแนบเนียนมาตลอดเจ็ดปี เพื่อล้างแค้นเล้งที่ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้
ย่าหยาหรือเพ็ญนภาเก็บข้าวของลงกระเป๋า จะเดินทางจากเซี่ยงไฮ้กลับเมืองไทย โดยมีพ้งมาสั่งเสีย
“อย่าลืมว่าลื้อต้องกลับไปทำอะไรที่เมืองไทย”
“หยาไม่เคยลืม ไม่มีวันลืมคนที่ทำกับพ่อแม่และจันทร์ชมพู มันต้องชดใช้!”
ส่วนธามหรือชลธีในอดีต พยายามตั้งสติ เมื่อมองภาพถ่ายของครอบครัว นึกถึงคำพูดของเฉินอี่เสียงเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่เขากำลังจะย้ายมาจากเซี่ยงไฮ้เพื่อทวงเกียรติยศและศักดิ์ศรีคืนให้พ่อแม่
“ถึงเวลาที่ลื้อต้องแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษแล้วอาธาม เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลตั้งเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้”
จบคำก็ยื่นกรรไกรสองขาที่สลักด้ามเป็นรูปกระทิง อาวุธประจำตัวของหัวหน้าแก๊งกระทิงให้ธามรับมาถือไว้ พร้อมประกาศกร้าว “ตั้งเช็กเอี๊ยง กับเมียของเขาจะไม่ตายฟรี...ผมสาบาน!”
เฉินอี่เสียงมีสีหน้าเรียบเฉย มั่นใจมากว่ากระทิงหนุ่มที่ฝึกฝนและเขาเลี้ยงดูมาหลายปีจะทำภารกิจสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นก็อดให้เครื่องรางของขลังเพื่อความเป็นสิริมงคลไม่ได้
“หยกสลักเทพตั่วเหล่าเอี๊ย ขุนพลแห่งสวรรค์ เทพประจำธาตุน้ำ ช่วยป้องกันไฟ อั๊วให้ลื้อไว้เตือนสติ อย่ายอมให้ไฟที่ไหนเผาลื้อได้อีก...แม้แต่ไฟในใจลื้อเอง”
จนถึงวันนี้...ธามก็พิสูจน์ให้ใครหลายคน โดยเฉพาะบรรดาแก๊งใหญ่น้อยในเยาวราชเห็นว่าเขามีความสามารถและมีคุณสมบัติเพียบพร้อมจะเป็นหัวหน้าแก๊งกระทิงแทนพ่อได้ แต่บทพิสูจน์สำคัญก็มาถึงในวันต่อมา เมื่อเฉินอี่เสียงให้คนมาบอกว่ามีคนปล้นร้านทองของเขาที่สาขาภูเก็ต
ธามรีบร้อนเดินทางไปภูเก็ตเพื่อจัดการเรื่องร้านถูกปล้นทันที แต่ไม่ทันขึ้นเครื่องก็ต้องชะงัก มองตามผู้หญิงหน้าสวยคนหนึ่งจนเหลียวหลัง และก็ถึงกับตัวชา เมื่อรู้สึกว่าเธอช่างหน้าตาเหมือนกับจันทร์ชมพูเหลือเกิน!
เพ็ญนภาหรือย่าหยาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อถูกกระชากข้อมืออย่างกะทันหัน แม้ชายหนุ่มที่เพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกจะหล่อเหลาเอาเรื่อง แต่เธอก็ไม่ชอบใจที่ถูกเขาคาดคั้นราวกับเป็นนักโทษว่า เป็นใคร มาจากไหน ใช่คนที่ชื่อจันทร์ชมพูหรือเปล่า ซึ่งชื่อเก่าของเธอจากปากเขาทำให้เธออึ้งไปอึดใจ แต่ยังตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้
“ฉันต้องบอกคนแปลกหน้าไหมว่าฉันเป็นใคร...”
ธามโกรธจนควันออกหูที่ถูกยอกย้อน แต่ยังพยายามสงบสติอารมณ์และผละไปดื้อๆ ย่าหยาเสียอีกที่อยากจะพูดคุยกับเขาอีกครั้ง เพราะคาใจที่เขารู้จักคนชื่อจันทร์ชมพู แต่ไม่อยากเสียฟอร์ม เลยตามไปหาเรื่องเขาอีกรอบ
“ทักคนผิดแล้วทำไมไม่ขอโทษ คุณทำฉันเจ็บนะ”
รอยแดงที่แขนของเธอทำให้ธามมองมานิ่งๆ ย่าหยาเลยเข้าใจว่าเขารู้สึกผิด “ทีหลังก็หัดดูให้ดีซะก่อนสิ ไม่ใช่ไปฉุดกระชากใครแล้วต้องให้เขาตามทวงคำขอโทษแบบนี้ แค่พูดว่าขอโทษ ทักคนผิด มันยากเกินไปหรือคะ”
ท่าทางนิ่งเฉยเหมือนรูปปั้นของเขาทำให้ย่าหยาถอดใจ และคิดว่าคงไม่มีประโยชน์จะถามต่อ เลยตั้งท่าจะแยกตัว แต่ก็ช้ากว่าธามที่กระชากตัวเธอมาจูบอย่างค้นหาและดุเดือด ก่อนจะผลักตัวออกอย่างแรง
“ขอโทษ...จูบผิดคน”
เฉียงกับจิวที่ตามประกบเจ้านายถึงกับพูดไม่ออก ต่างจากย่าหยาที่ตบธามจนหน้าหัน พร้อมกับแหวลั่น
“อย่าทำกับผู้หญิงที่คุณไม่รู้จักอย่างนี้อีก!”
ooooooo
แม้ธามจะห้ามไม่ให้เฉียงกับจิวตามไปจัดการกับหญิงสาวปริศนาที่ได้จูบกับเขากลางสนามบิน แต่ก็ไม่วายอยากรู้ และสั่งให้ส่งฟงลูกน้องคนสนิทอีกคนไปตามสืบประวัติเธอ ส่วนตัวเองรีบไปจัดการเรื่องการปล้นร้านทองสาขาที่ภูเก็ต โดยมีผู้ต้องสงสัยคนสำคัญคนเดิมก็คือเล้ง!
เป็นเล้งจริงๆที่วางแผนปล้นร้านทองของธาม เพื่อก่อความเสียหาย แต่ก็เตรียมแผนการตั้งรับไว้อย่างดี โดยใช้นักข่าวให้เป็นประโยชน์ เรียกมาสัมภาษณ์เพื่อสร้างภาพว่าตนเองห่วงใยเพื่อนร่วมวงการค้าทองมากแค่ไหน
ธามรู้ดีว่าเล้งกำลังเล่นสงครามประสาท ให้นักข่าวสร้างกระแสมือที่สาม ทำให้วงการค้าทองเดือดร้อน เลยสวนกลับเสียงเรียบแต่แฝงนัยเย้ยหยัน “มือที่สามไม่ทำให้ความเชื่อใจที่เรามีต่อกันคลอนแคลนได้ครับ น่าจะเป็นฝีมือพวกโจรกระจอกมากกว่า ถ้าเป็นพวกนี้ ร้านทองเจ้าอื่นก็ต้องระวังให้ดี”
“ใช่...เราต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มันทำอย่างนี้กับใครอีก”
เล้งประกาศกร้าว ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถึงเรื่องอื่นๆ ทิ้งธามให้ผละไปอย่างใจเย็น แต่ไม่ละความสงสัยในตัวเล้ง และส่งจิวกับเฉียงไปหาหลักฐาน...ฉันต้องเอาผิดไอ้เสี่ยเล้งให้ได้!
ในขณะที่ย่าหยามาถึงกรุงเทพฯและเข้าพักที่โรงแรมย่านเยาวราช เตรียมความพร้อมและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อล้างแค้นเล้งตามที่วางแผนไว้กับพ้งก่อนหน้านี้ ธามไม่รู้ตัวว่าจะได้เจอหญิงสาวปริศนาที่เขาเคยมีปากเสียงด้วยในไม่ช้า เพราะมัวหมกมุ่นกับการสอบสวนฮั้วกับฮก มือปืนสองพี่น้องที่ถูกเล้งส่งมาลอบสังหารเขาตอนวันสารทจีน
แม้ฮั้วกับฮกจะพยายามบ่ายเบี่ยง ปากแข็งไม่ยอมรับว่าเล้งเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด แต่สุดท้าย เมื่อถูกบีบมากเข้าก็ต้องสารภาพแบบกลัวๆกล้าๆ ธามขยับมีดเล่มเล็กในมือเฉียดคอหอยของสองมือปืนช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจปล่อยไป พร้อมกับยัดเยียดทองจำนวนหนึ่งที่สองพี่น้องแอบปล้นจากร้านเขาสาขาที่ภูเก็ตจนเป็นเรื่องเมื่อหลายวันก่อนให้ แต่ไม่วายสั่งส่งท้ายเสียงเข้ม ว่าไม่ได้ให้เพราะอยากช่วยเหลือ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน
“เอามาต่อลมหายใจ แล้วอย่าลืมว่า...ลมหายใจนี้เป็นของแก๊งกระทิง!”
ด้านย่าหยา...หลังเก็บข้าวของและสารพัดอาวุธพิเศษที่พ้งจัดเตรียมไว้ให้ ก็มุ่งหน้าไปเดินสำรวจรอบๆเมืองเพื่อเตรียมพร้อมและซักซ้อมความคุ้นเคย ระยะเวลาเจ็ดปีที่ห่างบ้านมานาน ทำให้หญิงสาวทึ่งไม่น้อย เพราะสภาพบ้านเมืองที่เคยพำนักตั้งแต่เด็กเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
และระหว่างที่เดินสำรวจรอบเมืองนั่นเอง ย่าหยาก็ได้ช่วยเหลือหยกมณีไว้จากโจรวิ่งราวกระเป๋า แต่ดันทำให้ธามเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นนางโจรห้าร้อย แต่ย่าหยาก็เอาตัวรอดหนีไปจนได้ ทิ้งภาระให้หยกมณีพยายามบอกว่าหญิงสาวปริศนาคนนั้นเป็นคนดีช่วยเธอไว้จากการถูกปล้น แต่ธามก็ไม่เชื่อ เพราะมีอคติ
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ และทำไมหน้าเหมือนจันทร์ชมพู!”
แล้วธามก็ไม่ยอมเก็บเรื่องคาใจไว้คนเดียว สั่งให้เฉียงกับจิวสองคนสนิทจัดการสืบค้นประวัติหญิงสาวปริศนาคนนั้นอีกแรง เพราะเชื่อว่าเธอต้องไม่ใช่คนดีแน่ แต่อาจเป็นใครบางคนที่เล้งส่งมา
ย่าหยาไม่ได้คิดมากเหมือนธาม รอดจากการถูกจับตัวมาได้ก็กลับมาเขียนจดหมายถึงพ้ง
“หยาเข้าพักที่โรงแรมและเจอของที่อาปาส่งมา ล่วงหน้าแล้วนะคะ ขอบคุณอาปาที่จัดเตรียมและวางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดี หยาไปสำรวจที่ฉั่วเทียนเหลามาแล้ว พรุ่งนี้หยาจะไปสมัครงานที่นั่น ถ้าโชคเข้าข้าง เราคงจัดการทุกอย่างได้เร็วขึ้น รักและเคารพอาปาที่สุด...ย่าหยา”
เขียนจบก็พับจดหมายใส่ซอง จ่าหน้าถึงพ้งแล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะควักนาฬิกาพกเรือนเก่าของแทนใจจากชลธีมาดู ภาพหวานในอดีตผุดขึ้นมาอีกครั้ง ย่าหยาคิดถึงชลธีคนรักผู้แสนอ่อนโยนของเธอจับใจ
“หยารู้ว่าพี่ธีรักจันทร์มาก แต่หยากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เราจะได้เจอกันอีกไหมคะพี่ธี”
คืนเดียวกันที่บ้านธาม...เจ้าของบ้านไม่ได้หวนคิดถึงรักในอดีต แต่หยิบไฟแช็กอันเก่ามาดู พึมพำเสียงเหี้ยม
“ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะแก้แค้นให้นาย...ชลธี!”
ooooooo
ฮั้วกับฮกที่ถูกพวกธามจับตัวไปเค้นความจริงต้องรับศึกหนัก เมื่อถูกเล้งสงสัยว่าอาจคิดไม่ซื่อเพราะหายหน้าหายตาไปหลายวัน แถมทองที่ปล้นจากร้านของธามก็เป็นจำนวนไม่มากเท่าที่คิด ซ้งมือปืนคนสนิทของเล้งยุให้เจ้านายยิงทิ้งเพื่อตัดปัญหา โดยมีเกี๊ยงสนับสนุน เพราะเริ่มไม่ไว้ใจมือปืนสองพี่น้อง
เล้งกวาดตามองฮั้วกับฮกนิ่งๆ ประวัติและนิสัยโหดเหี้ยมของเขา ทำให้ฮั้วกับฮกแทบกลั้นใจตาย เกี๊ยง มองสองพี่น้องแบบเหยียดๆ เปรยลอยๆว่าที่งานไม่สำเร็จเท่าที่ควรครั้งนี้ อาจเป็นเพราะฝีมือธาม
แต่เล้งกลับไม่คิดแบบนั้น “อั๊วรุ่นอามัน มันไม่กล้าลองดีกับอั๊วหรอก เรื่องนี้เป็นไปได้สองอย่าง ลื้อสองคนโดนปล้นจริงๆ หรือไม่ลื้อก็แต่งเรื่องโกหกอั๊ว อย่าให้อั๊วรู้ว่าลื้อสองคนหักหลังอั๊วแล้วกัน!”
หลังตั้งหลักได้เรียบร้อย ย่าหยาก็มุ่งหน้าไปสมัครงานที่ฉั่วเทียนเหลา เพื่อหาข้อมูลและหาทางใกล้ชิด
เล้ง สุ่ยเจ้าของภัตตาคารดังมองหน้าหญิงสาวหน้าสวยที่มาสมัครงานด้วยแววตาเพ่งพินิจ ก่อนจะปฏิเสธ เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง แต่โชคชะตาก็ยังไม่ใจร้ายกับย่าหยา เมื่อหยกมณีทราบเรื่องและจัดการให้เธอได้เป็นเด็ก
เสิร์ฟสมความตั้งใจ เพื่อทดแทนบุญคุณที่ย่าหยาช่วยเธอไว้จากโจรวิ่งราวกระเป๋าเมื่อคืนก่อน
วันเดียวกันที่บ้านเล้ง...เกี๊ยงกับซ้งถึงกับนั่งไม่ติด เมื่อมีคนโทร.บอกว่าร้านทองของเล้งมีปัญหาถูกปล้น หัวหน้าแก๊งมังกรทราบเรื่อง ก็บุกไปเอาเรื่องนักเลงที่ส่งมาเฝ้าร้านทองทันที ซึ่งก็ดูจะไม่ค่อยได้เรื่องอะไรนัก
“อั๊วไม่รู้เรื่องจริงๆนะครับเสี่ยว่าทองร้านเราถูกปล้นไปได้ยังไง”
เกี๊ยงกับซ้งทำท่าจะซ้อมเพื่อคาดคั้นหาความจริง แต่นักเลงก็ยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง แถมโบ้ยไปทางอาแปะขายก๋วยเตี๋ยวหน้าร้าน ว่าอาจเป็นสายจากฝ่ายศัตรูหรือผู้ไม่หวังดี พนักงานในร้านคนอื่นๆช่วยกันเสริมเต็มที่เพื่อหนีความผิด แต่เล้งกลับไม่ฟังความข้างใครทั้งนั้น ควักปืนมายิงแสกหน้านักเลงตายทันที
“ลื้อจะรู้จักหรือไม่รู้จักอาแปะอั๊วไม่รู้ แต่ลื้อปล่อยให้มันมาหยามอั๊วถึงถิ่น ลื้อสมควรตาย!”
พนักงานคนอื่นๆในร้านถึงกับหน้าถอดสี กลัวต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน เล้งหันมากวาดตามองทุกคนช้าๆ ก่อนจะกำชับ “มันตายเพราะโดนพวกที่มาปล้นยิง พวกลื้อเข้าใจใช่ไหม”
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเล้ง เกี๊ยงพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปถามเจ้านายว่ายังอยากไปร่วมงานศพของฉาง ลูกชายคนโตของสุงแห่งแก๊งหงส์ดำ ที่ถูกยิงตายในงานสารทจีนที่ศาลเจ้าหรือไม่
เล้งแสยะยิ้มร้าย ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิดที่ยิงคนตาย “ไป...อั๊วอยากไปดูหน้าไอ้แก่สุงว่าตรอมใจใกล้ตายหรือยัง ถ้ามันตาย ตำแหน่งนายกสมาคมก็ต้องเป็นของอั๊ว ถึงเวลานั้น เรื่องโดนปล้นวันนี้มันก็เรื่องเล็ก”
ooooooo
ธามหรือชลธีในวันวานมาร่วมงานศพของฉางในวันเดียวกัน ถอนใจหนักหน่วงเมื่อเห็นหงส์ สาวสวยเพื่อนร่วมแก๊งสมัยเด็กที่เขารักเหมือนน้องสาวแท้ๆ ต้องร้องไห้อย่างหนักที่ต้องสูญเสียพี่ชายคนเดียว
“ผมเสียใจด้วยครับ และขอโทษที่มาแสดงความเสียใจช้าไป ผมเพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้น่ะครับ”
“แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ คุณธามคงวุ่นวายอยู่กับร้านทองที่โดนปล้น แต่ยังมีน้ำใจแวะมา”
ธามส่งยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยนให้ “ไม่มาไม่ได้ครับ อาฉางก็เพื่อนผม ส่วนคุณหงส์เป็นยิ่งกว่าน้องสาว ผมรู้ว่าคุณทุกข์ใจแค่ไหน วันที่คุณร้องไห้...ผมอยากจะอยู่ข้างคุณ”
คำพูดปลอบของเขาทำให้หงส์อดเงยหน้าขึ้นดูไม่ได้ พลันในหัวก็คิดถึงชลธี เพื่อนรุ่นพี่ร่วมแก๊งสมัยเด็กที่เธอรักและสนิทด้วยยิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆ แต่ไม่ทันเอ่ยอะไร ธามก็พูดขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะเด็กดี ถ้าหยุดร้องแล้วเฮียจะเสกของโปรดให้”
ประโยคสุดท้ายของเขาทำให้หงส์เบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคิดได้ว่าคำพูดเหล่านั้นช่างเหมือนกับคำพูดของชลธีที่เคยใช้กับเธอในอดีต สมัยที่เธอร้องงอแงอยากไปวิ่งเล่นกับพวกเพื่อนร่วมแก๊งผู้ชาย
“พวกเฮียวิ่งเล่นกันได้ ทำไมหงส์เล่นกับพวกเฮียไม่ได้ ทำไมอาปาต้องตีหงส์ อาปาไม่รักหงส์”
ชลธีต้องคอยปลอบเธอเสมอ “ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอกหงส์ อาแปะสุงคงไม่อยากให้หงส์มาวิ่งหกล้มหกลุกกับพวกเฮีย...ไม่ร้องไห้แล้วนะเด็กดี ถ้าหยุดร้องแล้วเฮียจะเสกของโปรดให้”
หงส์ดึงตัวเองออกจากอดีต แล้วก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อธามสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปข้างหลัง ก่อนจะเล่นกลยื่นน้ำตาลปั้นให้เหมือนกับที่ชลธีเคยทำให้เธอตอนเด็กๆ สาวสวยแห่งแก๊งหงส์ดำยื่นมือไปรับมาช้าๆ น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความคิดถึงชลธี ธามรู้ดีว่าเธอคงสงสัย เลยพยายามทบทวนความทรงจำในวัยเด็กให้
“เล่นตังเตกันไหม”
หงส์ถึงกับอึ้ง แต่ยังพยายามควบคุมสติตอบ “เฮียฉาง เฮียภรพ เฮียทรงกลด เฮียคณินไม่ให้หงส์เล่น”
ธามหรือชลธีส่งยิ้มให้ รู้ดีว่าหงส์กำลังหมายถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนเธออาละวาดขอเล่นตังเตด้วย แต่ไม่มีสมาชิกแก๊งผู้ชายคนไหน รวมทั้งฉางพี่ชายแท้ๆ ของเธอ จะยอมให้ร่วมวง เพราะไม่อยากให้เธอถูกสุงตีตอนกลับบ้านที่มาคลุกคลีกับพวกผู้ชาย แต่แล้วเขาเองที่เป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย ด้วยการแบกเธอขึ้นหลัง แล้วเล่นไปด้วยกัน
เสียงหัวเราะของเธอเมื่อวันวานยังดังก้องในหัว หงส์ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้ยินเสียงธามอีกครั้ง
“ตอนนี้เฮียคงเอาหงส์ขึ้นหลังไม่ไหวแล้ว”
น้ำตาพานไหลมาจากไหนไม่รู้ หงส์ทำท่าจะร้องเรียกชื่อชลธีเหมือนเคย แต่ธามยกมือปิดปากเธอไว้
“ยังไม่ถึงเวลา ที่เฮียมาวันนี้เพราะอยากให้หงส์รู้ว่าหงส์ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...แค่นั้น”
“แล้วเมื่อเจ็ดปีก่อน เฮียหายไปไหน ไปทำอะไร ทำไมไม่ส่งข่าวให้ใครรู้บ้าง”
“ไม่ต้องสนใจหรอกนะ ขอแค่หงส์รู้ว่าตอนนี้พี่ชายคนนี้กลับมาอยู่ข้างๆหงส์ก็พอ”
หลังปรับความเข้าใจและทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ธามก็ตามหงส์ไปเคารพศพฉาง แต่ยังไม่ได้พบสุง ก็ต้องต่อปากต่อคำกับเล้งเสียก่อน ที่พูดจาเหมือนเป็นนัยว่าเขาคือตัวการปล้นร้านทองเมื่อเช้า
ธามตีหน้าซื่อ ทำเหมือนเห็นใจเสียเต็มประดา “นึกอยู่แล้วว่าพวกมันต้องปล้นร้านอื่นอีก ไอ้พวกลอบกัด”
เล้งพยายามข่มอารมณ์อย่างมากก่อนจะเอ่ย
เสียงเย็น “โจรกระจอก!”
ธามไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยตอนตอกกลับ “แหงล่ะครับ โจรมืออาชีพที่ไหนมันจะกล้าหยามเสี่ยได้ขนาดนี้ จะมีก็แต่พวกโจรกระจอกเท่านั้น ที่ไม่รู้ว่าเสี่ยเล้งเป็นใคร...ยิ่งใหญ่แค่ไหน”
ooooooo
ภารกิจยั่วประสาทเล้งของธามเป็นไปด้วยดี เช่นเดียวกับผลการสมัครงานในร้านฉั่วเทียนเหลาของย่าหยา ที่ได้หยกมณีช่วยพูดกับสุ่ย เลยได้กลายเป็นเด็กเสิร์ฟสมใจ แต่ถึงกระนั้น...การได้เป็นพนักงานใหม่แบบกะทันหันของเธอ ก็ทำให้พวกคนเก่าๆหลายคนสงสัยและอดหมั่นไส้ไม่ได้
แต่คนเดือดร้อนสุด คงหนีไม่พ้นโบตั๋น นักร้องดาวรุ่งสาวสวยแห่งฉั่วเทียนเหลา ที่กลัวสาวเสิร์ฟคนใหม่จะมาแย่งคะแนนความสนใจจากแขก โดยเฉพาะธาม...แขกหนุ่มคนสำคัญที่เธอแอบรักมานาน
“สวยแล้วร้องเพลงเพราะหรือเปล่า เรื่องร้องเพลงฉันยอมเป็นรองแค่เจ๊หยกเท่านั้น”
“เสียงสู้ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่ความสวยสูสี ระวังเฮียกระทิงให้ดีละกัน โดนแม่นั่นฉกไปไม่รู้นะ”
เจอลูกยุพนักงานคนอื่น โบตั๋นก็ถึงกับนั่งไม่ติด ตั้งท่าจะตามไปหาเรื่องสาวเสิร์ฟคนใหม่เต็มที่ ย่าหยาซึ่งแอบฟังเสียงซุบซิบมาตั้งแต่ต้น ถึงกับถอนใจเหนื่อยหน่าย และตัดสินใจปรากฏตัว
“ฉันชื่อย่าหยาค่ะ เรียกสั้นๆว่าหยาก็ได้ ขอแก้ข่าวนิดนะคะ หนึ่งคือฉันไม่ได้เป็นนักร้อง เพราะนักร้องต้องมีพรสวรรค์แต่ฉันไม่มี สองฉันโปรยเสน่ห์ไม่เป็น สามฉันไม่ชอบฉกของใคร และสี่ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟธรรมดา”
โบตั๋นและพนักงานคนอื่นๆถึงกับหน้าชาเมื่อเจอท่าทางเอาจริงของสาวเสิร์ฟคนใหม่ แต่ย่าหยาก็ไม่สนใจ และรีบไปเตรียมตัวเพื่อเริ่มงานเสิร์ฟวันแรก แล้วก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เมื่อธามพร้อมเฉียงและจิว นัดพบกับฟงที่ฉั่วเทียนเหลาในเย็นวันเดียวกัน และกระทิงหนุ่มก็เกือบจะได้รู้จักย่าหยาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีหยกมณีเป็นคนแนะนำ ถ้าธามจะไม่ต้องไปทำธุระสำคัญเสียก่อน
ธุระสำคัญของธามคือทองที่ได้มาจากการปล้นร้านของเล้งเพื่อล้างแค้น โดยมีจิวเป็นหัวหน้าทีม รับหน้าที่เป็นอาแปะขายก๋วยเตี๋ยว หลอกล่อให้พวกนักเลงและพนักงานเฝ้าร้าน ธามเหยียดยิ้มเย็นด้วยความสะใจที่ได้เห็นทองของเล้ง ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องนำไปตีตราของที่ร้านตามจำนวนที่ถูกขโมยไปเมื่อวันก่อน ส่วนที่เหลือให้หลอมเป็นทองแท่งเหมือนกัน แต่ไม่ให้ตีตราและนำไปบริจาคล้างซวย!
ด้านโบตั๋น...ตื่นเต้นดีใจมากเมื่อเห็นธามแวะมาที่ฉั่วเทียนเหลา แม้เขาจะไม่แสดงท่าทีเหมือนอยากแต่งงานกับเธอเหมือนคู่รักทั่วไป แต่เขาก็ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นคนพิเศษเสมอ เช่นเดียวกับคืนนี้ แม้เขาจะไม่ร้องขอให้เธอบริการที่โต๊ะเหมือนเคย แต่ก็แสดงความรักด้วยการจูบแก้มเธอต่อหน้าคนทั้งภัตตาคาร
ย่าหยาไม่ได้เห็นภาพหวานนั้น มัววุ่นวายกับงานเสิร์ฟ แถมคืนนี้ยังยุ่งเป็นพิเศษเพราะมีงานเลี้ยงวันเกิดของเสี่ยใหญ่ ทำให้เธอแทบกระดิกตัวนอกลู่นอกทางแทบไม่ได้ แต่ที่ทำให้สาวเสิร์ฟคนใหม่ปรี๊ดแตก คงหนีไม่พ้น เมื่อถูกมือปริศนาแอบจับก้นเธออย่างเมามัน!
ฟงซึ่งไม่ได้ตามพวกธามไปดูทองกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเป็นคนเดียวที่อยู่ใกล้รัศมีเธอมากที่สุด และย่าหยาก็ไม่รอช้า ด้วยนิสัยเก่งกล้าไม่กลัวใครเพราะถูกสั่งสอนให้เข้มแข็งเป็นนักฆ่ามือเยี่ยมมาเจ็ดปี จึงตรงเข้าไปเอาเรื่องฟงทันที
ฟงถึงกับอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครกล้ากล่าวหาเขาต่อหน้าคนทั้งภัตตาคารขนาดนี้ เลยแหวกลับอย่างเหลืออด แต่สาวเสิร์ฟหน้าสวยก็ไม่ยอม สวนกลับจะเอาเรื่องเต็มที่
“คุณต้องขอโทษฉันก่อน ถึงฉันจะเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้นะ”
“จะหาเรื่องกันหรือไงวะ อยากหาลูกค้าทำไมไม่บอกกันดีๆ...นางผู้หญิงหยำฉ่า!”
จบคำด่าของฟง ย่าหยาก็สวนหมัดเข้าปากอีกฝ่ายอย่างแรง ฟงถึงกับเลือดขึ้นหน้า เงื้อมือจะสวนกลับ โบตั๋นกับหยกมณีต้องถลามาห้ามเพราะเห็นว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ แต่ย่าหยายังไม่ยอม ถลาตามไปเอาเรื่องฟงถึงหน้าร้านอีกจนได้ สุ่ยทะเล่อทะล่ามาดูเหตุการณ์ชกต่อยตบตีระหว่างพนักงานใหม่และแขกขาประจำด้วยสีหน้าแตกตื่น ยกมือปิดปากแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าฟงเป็นฝ่ายถูกซ้อมจนหน้าคว่ำลงกระทะเกาลัดร้อนๆไม่ไกลกันนั้น!
ooooooo
ฟงถูกส่งตัวไปทำแผลที่โรงพยาบาลหลังจากนั้น ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างย่าหยาก็ถูกสุ่ยลากไปคุยในห้องทำงานภายในฉั่วเทียนเหลา โดยมีหยกมณีตามไปด้วยเพื่อช่วยไกล่เกลี่ย เพราะรู้ดีว่าย่าหยาเป็นฝ่ายผิด และอาจถูกไล่ออกจากงานได้ แต่สาวเสิร์ฟคนใหม่สุดห้าวก็ทำเสียเรื่องจนได้ เมื่อเธอยืนยันว่าไม่ได้ทำความผิดอะไร
“หยาทราบค่ะว่าเขาเป็นลูกค้า แต่เขามือไวกับหยา แล้วยังมาโบ้ยความผิดให้หยาหาว่าหยาเป็นผู้หญิงหากินอีก หยาทนไม่ไหวจริงๆ หยาขอโทษค่ะ”
“มาขอโทษอะไรอั๊ว ลื้อต้องไปขอโทษอาฟงเขา” สุ่ยถอนใจเหนื่อยหน่าย
“หยาทำผิดต่อคุณสุ่ย ไม่ได้ทำผิดกับหมอนั่น ถ้าหยาต้องขอโทษ หยาขออนุญาตขอโทษคุณสุ่ยคนเดียว”
“ลื้อกล้าพูดแบบนี้เพราะลื้อไม่รู้ว่าอาฟงเป็นใคร...”
ชื่อของเฮียกระทิงจากปากหยกมณี รวมถึงวีรกรรมสุดโหดของเขา ไม่ได้ทำให้ย่าหยาหวาดกลัวแต่อย่างใด จะมีก็แต่ความรู้สึกหนักใจเท่านั้น เพราะดูท่าว่าแผนการนำตัวไปใกล้ชิดกับเล้งจะมีปัญหาเข้าเสียแล้ว
แล้วการคาดการณ์ของย่าหยาก็เป็นจริงจนได้ เมื่อสุ่ยตัดสินใจไล่เธอออกเพื่อตัดปัญหา แม้ว่าเธอจะพยายามอ้อนวอนขอโอกาสเท่าไหร่ สุ่ยก็ไม่ใจอ่อน ยืนกรานว่าทำสิ่งที่ถูกแล้วเช่นกัน
“การไล่ออกนั่นแหละคือความกรุณาที่สุดแล้ว ลื้อรีบไปเก็บข้าวของแล้วออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หนีไปก่อนที่เฮียกระทิงจะกลับมาเล่นงานลื้อ”
ย่าหยาไม่เข้าใจ ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจากแก๊งกระทิงจะทำอะไรเธอได้ แต่หยกมณีไม่คิดเช่นนั้น
“จะผิดหรือถูก เฮียฟงก็เป็นคนของเฮียกระทิง เวลาดี...เฮียกระทิงดีใจหาย แต่ถ้าโกรธก็...ตัวใครตัวมัน”
“มัวแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ อาหยก...ลื้อรีบพาอาหยาหนีไปก่อน อั๊วไม่อยากมีเรื่องกับเฮียกระทิง เข้าใจไหม”
ย่าหยาละล้าละลัง ไม่อยากเสียโอกาสที่รอคอยมานานกับเรื่องบ้าบอแบบนี้ แล้วโชคก็เข้าข้างเธอจนได้ เมื่อสุ่ยเปลี่ยนใจกลางอากาศ ไม่ไล่เธอออก แต่ให้เธอรับหน้าที่ไปส่งอาหารให้แขกพิเศษปริศนาที่โรงบิลเลียดแทน
ธามนั่นเองคือแขกพิเศษปริศนาของสุ่ย ที่ทราบเรื่องฟงถูกซ้อม และตั้งใจจะเอาคืนสาวเสิร์ฟเจ้าปัญหาให้สาสม ย่าหยาไม่รู้เรื่องและไม่รู้จักแขกที่ชื่อธาม ธราธร เลยยอมรับปากไปด้วยความเต็มใจเพราะไม่อยากถูกไล่ออก
แล้วสองหนุ่มสาวที่เคยแลกจูบกันที่สนามบินก็ถึงกับพูดไม่ออก อ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าของต่างฝ่ายชัดๆ โดยเฉพาะธามถึงกับอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะรวบรวมสติได้ ร้องสั่งให้เธอขอโทษฟงเพื่อจบเรื่อง แต่มีหรือย่าหยาจะยอมง่ายๆสวนกลับอย่างเหลืออดว่าอีกฝ่ายลวนลามเธอก่อน ธามอยากจะเป็นบ้าแต่ยังพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“ฉันทำงานกับเฮียฟงมาหลายปี เขาไม่มีนิสัยหมาๆ อย่างที่เธอว่าแน่ ขอโทษเฮียฟงซะ เรื่องจะได้จบง่ายๆ”
“พวกเดียวกันก็เข้าข้างกัน ฉันไม่ขอโทษ...แน่จริงก็ไปตามหัวหน้าแก๊งมาสิ นายเฮียกระทิงอะไรนั่นน่ะ จะได้รู้กันไปเลยว่าแก๊งกระทิงดีแต่ลวนลามผู้หญิงจริงหรือเปล่า”
เฉียงซึ่งตามประกบเจ้านายเหมือนเคย เกือบหลุดหัวเราะ บอกว่าธาม ธราธร ก็คือเฮียกระทิง แต่ย่าหยาก็ไม่เชื่อ และยืนกรานไม่ขอโทษฟง ธามเลยต้องจัดการวิธีขั้นเด็ดขาด ประกาศลั่นขอให้แขกคนอื่นออกจากโรงบิลเลียด
“ผมขอเคลียร์ปัญหาหัวใจกับคนรักผมหน่อย... พรุ่งนี้ผมจะชดเชยให้ทุกคนมาเล่นที่นี่ฟรี...โอเคนะครับ”
แขกคนอื่นไม่รู้เรื่องก็เฮลั่น พากันเดินออกด้วยความเต็มใจ รวมทั้งฟง เฉียงและจิว ปล่อยให้กระทิงหนุ่มปรับความเข้าใจกับสาวเสิร์ฟจอมห้าวตามลำพัง และทันทีที่แขกคนสุดท้ายพ้นประตู ธามก็ลากเธอมาประกบจูบอย่างดูดดื่ม พร้อมกับคาดคั้นให้บอกตัวตนที่แท้จริง แต่ย่าหยาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเขาจะเค้นคำตอบจากเธอให้ได้อะไร แต่ก็พยายามเอาตัวรอดออกมาจนได้ ด้วยการคว้าลูกบิลเลียดใกล้มือมาฟาดหัวเขาจนเลือดสาด!
ooooooo